อย่ารอให้มีคนต่อไป! Cyberbully กับจุดจบอันน่าเศร้า ที่คุณคาดไม่ถึง
ภาพประกอบจาก pixabay.com
จากการศึกษาพบว่าการกลั่นแกล้ง ล้อเลียน หรือทำให้ใครสักคนตกเป็นเหยื่อ อยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่อดีต และทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน การประจาน ทำให้รู้สึกอับอายต่อหน้าสาธารณะ ทำให้ใครสักคนเกิดความรู้สึกเจ็บปวดจากความละอาย รู้สึกว่าตนเอนอกคอก ถือเป็นการลงโทษที่เจ็บปวดและมีประสิทธิภาพที่สุด นักจิตวิทยาท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า "ความละอายคืออารมณ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมี" สรุปได้ว่าไม่มีใครสมควรทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้
ภาพประกอบจาก pixabay.com
การทำให้รู้สึกละอายในอดีตทำได้หลายรูปแบบ เช่น ให้ชายหญิงที่คบชู้ต้องถูกลงโทษให้อับอาย ด้วยการจับโกนผม ถอนขนเพชร หรือการติดตราดาวเหลืองเพื่อคัดแยกเชื้อชาติชาวยิวโดยพรรคนาซี ในปัจจุบันการทำให้รู้สึกอับอายเจ็บปวด ทำได้ง่ายกว่านั้น เพียงแค่คุณมีอินเทอร์เน็ตและคีย์บอร์ด
ภาพประกอบจาก pixabay.com
วิถีแห่งการกลั่นแกล้ง ที่อาจเกิดได้จากการใช้กำลัง หรือเพียงเเค่คำพูดเหยียดหยาม ขุดปมในอดีต หรือการทำให้รู้สึกแยกตัว เมื่อก่อนจะด่าใครต้องด่าต่อหน้า แต่สมัยนี้ง่ายกว่านั้นมากเพียงแค่คุณพิมพ์แล้วโพสต์ เป็นเหมือนการวางกับระเบิดเอาไว้ รอเวลาให้เป้าหมายมาเยียบและพบกับความเจ็บปวด มีพยานป็นพวกขาเผือกขาเม้าท์ที่อยู่ในโลกออนไลน์ ค่อยๆส่งต่อความเกลียดชังนี้ต่อไปเรื่อยๆ ราวกับโรคระบาด
ภาพประกอบจาก pixabay.com
Cyberbully ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ ไม่มีเวลาจำกัด แพร่กระจายได้ มันจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กเท่านั้น แต่ส่งผลถึงผู้ใหญ่วัยทำงานจนทำให้ชีวิตปั่นป่วน ลองถามคนใกล้ตัวของคุณดูก็ได้ เชื่อว่าแทบทุกคนต้องเคยเจ็บปวด รู้สึกแย่จากการณ์ถูก Cyberbully มาแล้วทั้งนั้น
ภาพประกอบจาก pixabay.com
การ Cyberbully เป็นอินเทอร์เน็ต ให้กลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่สุด มีประสิทธิภาพบั่นทอนจิตใจที่ร้ายกาจ และทำให้รู้สึกไร้ทางออก มีหลายคนต้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรือพยายามฆ่าตัวตาย น่าเศร้าที่หลายรายทำสำเร็จ รู้แบบนี้แล้วก่อนจะพิมพ์ โพสต์ หรือแชร์อะไร ควรคิดถึงใจเขาใจเราให้มาก อย่าทำไปเพราะความคึกคะนอง เพราะมันสร้างบาดแผลได้มากกว่าที่คุณคิด
